สัปดาห์แรกในลีดส์ หลังจากลงเครื่องที่ Heathrow ลอนดอน
5 วัน weekdays ที่ต้องเข้าห้องเรียน ทำความคุ้นเคยกับเพื่อนๆ ทั้ง Room Mates และ Class Mates
หลังจากนั่งรถไฟมาเกินกว่า 4 ชั่วโมง (ติดตามเรื่องการเดินทางมาได้ที่นี้ )
ก็เดินทางมาถึงที่พัก ที่นี้เรียกว่า Central Village ลักษณะคล้าย Apartment แต่ที่อังกฤษเราจะเรียกว่า Flat อยู่กัน 5-6 คนต่อ 1 ห้อง มีห้องนอนและห้องน้ำเป็นของตัวเอง แต่ต้องแชร์ห้องครัวและห้องนั่งเล่นด้วยกัน ผมโชคดีสุดๆไปเลย(ประชดนะ) ได้เพื่อนเป็นคนจีน 4 คน อีกคนเป็น คนชิลี รวมผมก็เป็นหกพอดิบพอดี ช่วงแรกกลุ่มคนจีนก็เอาแต่พูดภาษาจีนกัน แต่พออยู่ไปนานๆ ถ้าผมอยู่ด้วย พวกเขาก็จะมาคุยเป็นภาษาอังกฤษแทน (ไม่ได้บังคับว่าต้องพูดอังกฤษกันนะ แต่สงสัยผมคุยด้วยแล้วมันส์ เขาก็เปลี่ยนให้ผมร่วมวงด้วยทุกครั้งไป 55555)
หลังจากทำเรื่องเข้าที่พัก Staff (เป็น Student Assistant ซึ่งเป็นนักเรียนเหมือนกัน แต่อาจจะเป็นอังกฤษ) บอกผมว่า วันนี้เราจะมีปาร์ตี้กันประมาณ 6 โมงเย็น ให้ลงมาเจอกันข้างล่างนะ เราก็โอเค เดียวเก็บของเสร็จจะลงมา
เข้ามาในห้อง ทุกคนมีพฤติกกรมเหมือนกัน ต่างคนต่างพยายามจับกลุ่มหาเพื่อนสัญชาติเดียวกัน (ซึ่ง 80% เป็นคนจีน) กลายป็นมีแต่เสียงภาษาจีนเต็มห้องไปหมด ผมเองเป็นคนเข้ากันคนหมู่มากไม่ถนัด ผมชอบคุยแบบกลุ่มเล็กๆ ไม่เกิน 4-5 คน กำลังฟังกันรู้เรื่อง
อยู่ได้ซัก 30 นาที พอไม่รู้จะหันไปคุยกับใคร ผมก็ตัดสินใจเดินออกมา ว่าจะไป Supermarket ซักหน่อย ซื้อของใช้ที่ยังขาด
ชีวิตที่นี้ดูเรียบง่าย และไม่ยุ่งยาก อยากทำอะไรทำ ทุกคนในตึกอายุใกล้เคียงกัน ระดับภาษา พอฟัง พอพูดได้เหมือนๆกัน อยากไปไหนไป โตแล้ว ชีวิตตัวเองดูแลตัวเอง

เข้าเรียนวันแรก ดูเป็นอะไรที่สาหัส พอสมควร เพราะฝนก็ตก แถมไม่รู้ว่าห้องตัวเองอยู่ไหน ตึกเรียนเป็นตึกเก่า และข้างในมันดันเชื่อมกันอีก กว่าจะหาห้องเจอ กว่าจะมากันครบ เล่นเอาเหนื่อยใช่เล่น หลังจากผ่านไป 2-3 วัน ผมก็เริ่มจะปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆได้ แต่ก็ยังไม่ค่อยคุ้นชินกับระบบการเรียน การสอนมากนัก แบบอังกฤษมากนัก

ช่วงนี้เป็นช่วงเรียนปรับพื้นฐานภาษา แต่หลักสูตรและวิธีการสอน ไม่ใช่เรื่องแกรมม่า วิธีการเขียน หรือโครงสร้างประโยคเหมือนบ้านเรา แต่เขาสอน วิธีคิด วิธีจับใจความ (บางทีก็สงสัยนะ ที่เรียนๆมา เราไม่เคยเรียนวิธีจับใจคความ วิธีทำสรุป หรือวิธีการตั้งคำถาม แบบนี้เลย มาถึงก็ให้อ่านเลย จับมั่วจับซั่วก็ทำไป ไม่รู้แบบไหนถึงจะถูกใจอาจารย์) บางครั้งเราสามารถแย้งกับหนังสือที่เราอ่านได้ ถ้าในนั้นเขียนไม่ชัดเจน (แต่โดยปกติ จะมีการอธิบายหลักที่นำมาใช้เสมอ) เข้าห้องไป อาจารย์ก็จะเปิดหัวข้อ ให้มานั่งคุยกัน ทำงานเป็น Partner จับคู่ จับกลุ่ม และมีการออกมาพูดหน้าชั้น แต่แปลกนะ จะไม่มีการแบบ เธอต้องทำอย่างงั้นอย่างงี้ อยากทำอะไรทำ ถ้ามันไม่ดี เดียวเพื่อนก็เตือนกันเอง
หลายครั้งผมมักจะสงสัย และตั้งคำถามโง่ๆ โยนกลับไปให้ผู้สอน ถ้าเป็นเมืองไทย สงสัยเพื่อนล้อตั้งแต่อยู่ในห้อง แต่เปล่าที่นี้อาจารย์พยายามตอบทุกคำถาม แม้ผมจะถามเรื่องที่ไม่เกี่ยวกับที่เรียนอยู่ในหัวข้อนั้น หรือพยายามตอบผิดคำถาม 55555 (ตอนแรกอายนะ แต่เหมือนผู้สอนเขาชอบ ที่มีคนถามเขากลับไปมากกว่านั่งฟังเฉยๆ เพราะรู้แน่ว่าเราไม่เข้าใจตรงไหน)
งานหรือการบ้าน ส่วนใหญ่จะเป็นการให้เราไปอ่าน อ่านบทความ หรือหนังสือ เพื่อมาพูดคุยกันในชั้นเรียน แต่อ่านแบบ 10 กว่าหน้าเป็นภาษาอังกฤษ บอกเลยว่าขมขื่นสุดๆ 555 คืนนั้นผมนอน เกือบตี 1 และต้องตื่นแต่เช้ามาอ่านต่ออีก สุดๆแล้วอะ อาจจะเป็นเพราะเรายังอ่านช้า เพราะรู้ศัพท์น้อย จึงจับใจความไม่ค่อยได้ ต้องอ่านย้ำไปย้ำมา แต่ผมคิดว่าถ้าเข้าอาทิตย์ต่อๆไป น่าจะเริ่มปรับตัวได้กับวิธีการเรียนแบบนี้
ตั้งแต่มาอยู่นี้ฝนตกทุกวัน พึงมีเมื่อวาน ที่ไม่มีฝน และพยากรณ์อากาศบอกว่าจะไม่มีจนไปถึงวันเสาร์ เมื่อวานช่วงบ่ายเลยเข้าเมือง ไปเดินเล่นซักหน่อย แล้วกะไว้ว่าวันนี้ก็จะเข้าไปช้อปปิ่งอีกซักรอบนึง ก็ได้ไปอีกจริงๆ 555
เมื่อวานตั้งใจเดินเข้าเมืองไปหาร้านขายของไทย และร้านจีน เพื่อดูว่าจะพอมีอะไรซื้อกลับมาทำกินได้บ้าง พวกเครื่องปรุงต่างๆ พอเข้าไปในร้าน น้ำตาแถบไหล (พอเห็นของเป็นภาษาไทยแล้วรู้สึกคิดถึงประเทศไทยขึ้นมาเลย นี้ขนาดมาแค่อาทิตย์เดียวเองนะ) มีทุกอย่างจริงๆครับ ราคาจะสูงกว่าที่บ้านเราประมาณเท่านึง แต่พอรับได้
หลังจากดูของเสร็จ เพื่อนคนจีนที่ไปด้วยกัน (เราไปกัน 3 คน จีน 2 ไทยหัวเดี่ยว) เห็นร้านอาหารไทย อยู่ฝั่งตรงข้าม เราเลยตกลงว่า จะกินอาหารไทยกันมื้อนี้ คือเพื่อนคนจีน เขาอยากกิน แต่ไม่กล้าเข้าไปคนเดียว กลัวสั่งมั่ว สั่งไม่ถูก เดียวได้อะไรมากินไม่อร่อยและจะเสียดายตัง เป็นเหตุให้ผมต้องเข้าไปกินด้วย 5555

ผมสั่งอาหารตามสูตรคนไทยดั่งเดิม “ข้าวกระเพาะไก่” ครับ ไม่ต้องไข่ดาว แค่นี้ก็ 5.89 pounds แล้ว ส่วนของคนจีน เป็นอาหารไทยที่ฝรั่ง คนต่างชาตินิยมไปทั่วโลก “ผัดไท” หลังจากทานเสร็จ ผมว่าผมควรไปถามเจ้าของร้าน ว่าเขารับสมัครพนักงาน Part-time มั้ย เผื่อจะมาขายแรงงาน เป็นครั้งคราวที่ร้านนี้ จะได้มีตังนั่งรถไฟออกไปเที่ยวนอกเมือง แต่ไม่ต้องห่วงนะครับ Visa นักเรียนระยะสั่นแบบผม ทำงานได้แค่ 10 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ ทำเต็มที่ก็ไม่เกิน 2 วันแน่นอน จัดสันเวลาดีๆ ทำได้สบายๆ หลังจากพูดคุยและทิ้งเบอร์ไว้เรียบร้อย ก็กลับมานั่งรอโทรศัพท์ 5555

วันนี้ช่วงเย็นจะมีกิจกรรม 3 minutes talk เป็นกิจกรรมที่ Staff จัดขึ้น ให้นักเรียนแปลกหน้า เข้ามาพูดคุยกัน 3 นาที และสลับเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ผมว่าจะลองดู น่าสนุกดี อยู่นี้ต้องหาเพื่อนเยอะๆ อยู่คนเดียวมันเหงา อากาศก็หนาว แถมตัวเปียกอีก 5555 ขอบคุณที่ติดตาม
สัปดาห์ที่สอง ชีวิตจริงของนักเรียนอังกฤษเป็นอย่างไร ตามมาอ่านได้ ที่นี้ เลยครับ





ใส่ความเห็น