สำรวจตัวตน จาก Mentoring Session [Part 3]

หลังจากจบ Session ที่ 8 ไปเมื่อสัปดาห์ก่อน (ตามเวลาจริงขณะเขียน) ก็ผ่านเรื่องราวมากมาย ที่ทำให้มีโอกาสได้ย้อนกลับมาอ่าน ข้อความและจดบันทึกนี้อีกครั้ง

กลับมาต่อกันที่ Session ที่ 7 และ 8 ที่เป็นจุดสิ้นสุดของ Mentoring Session แต่เป็นสุดเริ่มต้นไม่รู้จบของการค้นหาตัวเอง และเรียนรู้เพื่อพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้นในทุกๆวัน

Session 7

กลับมาย้ำกันอีกครั้งในหัวข้อ Leadership ที่เมื่อช่วงสัปดาณ์ก่อนมีเรื่องที่ทำให้ได้นึกถึง และตัดสินใจบ้างอย่างที่ยังไม่เข้าใจการกระทำของตัวเองในขณะนั้น จึงเลือกหัวข้อนี้เพื่อปรึกษา พี่ Mentor

เมื่อเกิดอารมณ์ โกรธ ในขณะนั้นเราอาจจะสงสัยและไม่เข้าใจกับต้นตอของอารมณ์ที่เกิดขึ้น แต่เมื่อเราแกะห่อของอารมณ์ที่หุ้มด้วยความโกรธนั้น ด้านในมักจะประกอบไปด้วย “ความกลัว” กลัวที่จะ Control สถานการณ์ไม่ได้ กลัวที่จะต้องขายหน้า หรือกลัวที่จะต้องผิดหวัง ซึ่งหลายๆครั้ง เมื่อเราโกรธ หรือโมโห มันมักจะเชื่อมโยงกับ Core Value ที่เรายึดถือเสมอ เช่น กลัวว่าคนที่เราแคร์จะไม่รักเรา ก็เลยโกรธเขา ทำตัวแย่ๆใส่กัน จนกลับกลายเป็นการผลักดัน ให้เขายิ่งออกห่างเราไป

แต่ในขณะเดียว ถ้าเกิดมีสถานการณ์ขัดแย้งเกิดขึ้น และเรามีหน้าที่ หรือมีความจำเป็นที่จะต้องเข้าไปหาทางออก ทำอย่างไรเราจะสามารถคลี่คลายสถานการณ์นั้นได้ โดยไม่นำตัวเองไปสู่ความขัดแย้งในสถานการณ์เหล่านั้นด้วย มีหลักการนึงที่เรียกว่า Non violent Communication หรือการสื่อสารเพื่อระงับเหตุหรือคลี่คลายสถานการณ์

Non violent communication เป็นการสื่อสารที่ใช้ระงับความขัดแย้ง เช่น การเหยียดสีผิว หรือแม้กระทั้งในโลกแห่งการทำงานที่เราอาจจะไม่ได้แชร์อารมณ์และความรู้สึกกับเพื่อนร่วมงานมากนัก เป็นการสื่อสารที่จะไม่ทำให้ผู้รับฟังรู้สึกแย่หรือต่อต้าน โดยประกอบด้วย 4 ตัวอักษร ด้วยกันคือ O-F-N-R

O (Observation) หรือการสังเกตเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยที่เรายังไม่เอาตัวเราเข้าไปตัดสิน เป็นเหมือนภาพ Snap Shot

F (Feeling) หรือความรู้สึกของเรา ไม่ใช่ความคิดเห็น แต่เป็นความรู้สึกที่เกิดขึ้น โดยไม่โยนความผิดบางส่วนให้กับผู้อื่น เช่น ฉันรู้สึกแย่ และเหนื่อย เมื่อกลับบ้านมาแล้ว มีจานกองโตวางอยู่ที่ซิ้ง

N (Needs) หรือความต้องการ แต่จะไม่ใช่ Strategy หรือ Action Plan เช่น เราอยากกลับบ้านมาแล้วไม่มีจานที่ยังไม่ได้ล้าง แต่จะไม่ใช้ ฉันอยากให้เธอล้างจานให้เสร็จก่อนฉันกลับบ้าน เพราะว่าคำพูดอันหลัง จะทำให้อีกฝั่งรู้สึกถูกคุกคาม หรือไม่มีอิสรภาพ ในการตัดสินใจ (ทำให้เกิดแรงต่อต้านได้)

R (Requests) แปลตรงไปตรงมาคือ การร้องขอ ซึ่งจะไม่ใช่คำสั่ง “Request is not a demand” โดยเวลาเราอยากให้ใครทำอะไรให้ ควรเปลี่ยนวิธีการเป็นการร้องขอ ที่เปิดโอกาสให้อีกฝั่งหนึ่งปฎิเสธได้

ซึ่งทั้งหมดที่กล่าว จำเป็นอย่างยิ่ง ที่เราต้องมีความ “ตระหนักรู้” หรือ Awareness อยู่ตลอดเวลา ไม่ตัดสินผู้อื่นและไม่ใช้อำนาจ หรือสั่งการ เพื่อทำให้อีกฝั่งนึงไม่รู้สึกแย่และทำให้การทำงาน หรือการสื่อสารของเรากับผู้อื่นดีขึ้น

Session 8 บทสรุปของการเข้าใจตนเอง

ถ้าให้เราลองคิดว่า มีกล่องของขวัญกล่องหนึ่ง ที่เราจะมอบให้กับตัวเอง เราคิดว่าในนั้นควรจะมีอะไรบ้าง และลักษณะกล่องควรเป็นอะไร เป็นคำถามเปิด Session ที่ทำให้เราอึงไปพอสมควร แต่หลังจากนิ่งเงียบไปประมาณ 5 วินาที เราก็เริ่มมีไอเดีย เกี่ยวกับของที่เราอยากใส่เข้าไปในกล่อง

  1. เข็มทิศ – ที่เลือกเข็มทิศน่าจะมีความหมายในเชิงของสัญลักษณ์ในการนำทาง (เหมือนเข็มทิศชีวิต 5555) แต่เราคิดว่ามันจะไปตอบโจทย์ “Endless Goal” ที่เป็น Theme ของการเริ่มต้น Mentoring Session อีกหนึ่งเหตุผลที่เลือกเข็มทิศ เพราะมันอาจจะไม่ได้บอกทางแบบชัดเจนเหมือน Google Map แต่มันยัง + – ได้ซัก 5 องศา ที่สามารถผิดพลาดได้ ซึ่งเราก็พร้อมเรียนรู้และปรับปรุงตัวเองไปเรื่อยๆ
  2. Self Letter – จดหมายถึงตัวเอง ซึ่งข้างในคงบรรจุ Core Value ต่างๆ ในลักษณะที่เป็นการพูดคุยกับตัวเอง (Deep Talk) หรือจริงๆแล้วมันก็คือบทความ ตั้งแต่ Part 1 -3 นี้แหละที่ค่อยบอกและพูดกับตัวเอง ให้มี Emotional Awareness อยู่ตลอดเวลา
  3. Self Play Book – หนังสือ How to ที่เขียนขึ้นมาด้วยตัวเอง จากการเรียนรู้และเป็นการรวบรวม Tools หรือ Solution ในชีวิตที่ผ่านมา ให้ไม่ทำซ้ำความผิดพลาดเดิมๆ และในหนังสือแต่ละหมวด ก็ยังมีหน้าว่าง เพื่อให้เพิ่มเติมเรื่องราวในชีวิตลงไปและน่าจะเป็นการเขียนที่ไม่มีวันจบสิ้น
  4. Voucher of forgiveness – บัตรให้อภัยตัวเอง หลายครั้งเมื่อเราทำสิ่งที่ผิดพลาด เรามักจะรู้สึกผิด ไปจนถึงกรนด่าตัวเอง จิตตก และตกหลุมของความรู้สึกแย่ ซึ่งก็คงเป็นเรื่องที่ทุกคนอาจจะเป็น แต่เราอยากให้มีบัตรใบนี้ ที่สามารถ Skip อาการจิตตก ที่สามารถให้อภัยตัวเองได้อย่างรวดเร็ว

ในส่วนของกล่อง ก็ลองจินตนาการให้เป็นกล่องไม้ ที่เก่าหน่อย (ลักษณะเหมือน Time Machine Box) ที่อาจจะวางไว้มุมใดมุมหนึ่งในห้อง แต่อาจจะมีแสงแจ้งเตือน เพื่อให้เรากลับมาเปิดกล่องแล้วหยิบสิ่งต่างๆ เพื่อย้ำตัวเองอีกครั้ง

Key หลักจากที่ผ่าน Mentoring Session มาทั้ง 8 ครั้ง รวมระยะเวลามากกว่า 3 เดือน สามารถสรุปได้คือ

“จงมีความตระหนักรู้ ในความรู้สึกของตนเองอยู่เสมอ”

ถ้าเราไม่มี Emotional Awareness เราจะไม่มีทางรับรู้ถึงความรู้สึก ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการปรับตัว แก้ไข ได้เลย

การที่เราปล่อยให้ตัวเองผ่านเรื่องราวไป โดยไม่ได้ใส่ใจ เมื่อเราโตขึ้น อยู่ในจุดที่สูงขึ้น ความคาดหวังก็มากตามไปด้วย สิ่งนี้จึงเป็นสิ่งสำคัญที่เราจำเป็นต้องมีเพื่อพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา

ขอขอบคุณการแนะนำอันมีค่าจากหวัหน้า ที่แนะนำ พี่ Mentor ให้ได้เข้า Mentoring Session ต่างๆ ที่ทำให้เรียนรู้ตัวเองมากขึ้น หวังว่าความเข้าใจที่ได้จะมีประโยชน์กับตัวเองและคนรอบข้าง หวังว่าในชีวิตนี้เราจะเข้าใจเรื่องพวกนี้มากขึ้น จนสามารถส่งต่อความรู้พวกนี้และทำให้ผู้อื่นเข้าใจในอารมณ์ของคนเองได้ด้วย

ใส่ความเห็น