กว่าจะหาเวลามาเขียนได้ ช่วงนี้งานเยอะมาก ใกล้สอบแล้ว กลัวสอบไม่ผ่านเลยต้องอ่านเยอะหน่อย ยังไม่อยากรีบกลับบ้านตอนนี้ T T
เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ไปเที่ยวเมือง Whitby เป็นเมืองชายทะเลเล็กๆอยู่ในเมือง Scarborough ตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือ ของประเทศ เป็นเมืองชายทะเลน่ารักๆ ไม่ใหญ่มาก (อารมณ์เหมือน San Francisco แต่เล็กกว่ามาก)
สถานที่ ที่ต้องไปในเมืองนี้ก็คือ ทะเล (แน่นอนอยู่แล้วแหละ ไม่ต้องบอก 555) Whitby Abbey (เป็นเหมือนคฤหาสน์เก่า) พิพิธภัณฑ์ต่างๆ และปิดท้ายด้วย ชิม Fish & Chips ร้านดัง ถ้าไม่ได้ทานนี้ถือว่าผิดนะครับ บอกเลย
เอาละ มาเริ่มกันเลย เมื่อวันเสาร์ เวลาประมาณ 10 โมง ล้อรถก็เริ่มหมุนออกจากมหาลัย (อ๋อ ต้องบอกก่อนว่าทริปนี้ไม่ได้ไปเองนะครับ เป็นทริปที่ทาง Social Assistances หรือนักเรียนอาสา เป็นผู้จัด ทีมพี่เขาจัดบ่อยครับ แต่ผมไม่มีโอกาสได้ไปซักที ได้ไปก็ครั้งนี้แหละ)
ดูจาก Google Maps ก็นั่งยาวๆ ประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่งครับ แต่รถออกไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็ปวดฉี่ซะและ T T ไม่มีแวะพักครับบอกเลย
หลับๆตื่นๆ มา 2 ชั่วโมง ข่มใจให้นิ่ง 55555 พอมองออกไปนอกหน้าต่าง ไม่น่าเชื่อ นี้มันทุ่งหญ้า ฝรั่งชัดๆ เห็นวัวฝรั่งเดินเล็มหญ้า กันเต็มไปหมด
รถติดเป็นระยะๆ แต่บรรยกาศนอกหน้าต่าง ทำให้เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว อ้าว ถึงแล้วหรอ ลงไปถ่ายรูปกันเลย
ว้าววว วันนี้โชคดีมาก นอกจากอากาศจะไม่ร้อนแล้ว ฟ้ายังใสแจ๋ว รูปนี้ไม่ต้องแต่งภาพเลยครับ สวยธรรมชาติ ทริปนี้เดินไปไหนมาไหนคนเดียว (ก็ดันไปไม่ชวนใครซักคน) เน้นถ่ายรูป และเดินคุยกับตัวเองไปเรื่อยๆ บางทีเที่ยวคนเดียว ก็สนุกดีนะครับ ไปได้หลายที่ เก็บได้หลายเรื่องราว อาจจะเหงาบ้าง แต่โตแล้ว เดียวก็ชิน อิอิ
รูปนี้ถัดมาอีกหน่อย โห สวยจุง แต่แน่นอนครับ เมืองสวยๆอากาศดีขนาดนี้ นักท่องเที่ยวบานครับ แต่ไม่ต้องเป็นห่วง ภาพไหนคนเยอะ ผมลบทิ้งหมด 55555 เบื่อจิง
เอาละ เดินต่อมาเรื่อยๆ เห้ย ทำไมร้านนี้คนต่อคิวเยอะจัง พอเงยหน้าดู โห นี้มัน Magpie Cafe ในตำนานนี้น่าาาา ก่อนมาดูรายการสารคดีเกี่ยวกับ Fish & Chips แล้วเขามาถ่ายที่นี้พอดี (จำไม่ได้แล้วว่าดูจากที่ไหน T T เปิดเจอโดยบังเอิญ) คุ้นมากเลยอะ แต่!!! คนเยอะมว๊ากกกกกก ถามเพื่อนที่ต่ออยู่ เขาบอกว่าต่อมาซักพักและ เฮ้อออ ไว้ค่อยกลับมาต่อและกัน
จริงๆ แล้วมันมี สองแถวนะครับ แถวนึงทานในร้าน อีกแถว Take-Out แถวหลังน่าจะเร็วกว่า แต่ดูจากคนแล้ว ไว้ค่อยมาและกัน
เห้ย ใจนึงก็หิว อีกใจก็อยากกิน เอาไงดี เดินต่อมาอีกนิด เห้ย!! (ตกใจอะไรวะ) สาขาย่อยก็มีนะเธอ ~
เดินมาต่อแถวแบบไม่ลังเล ดูคนซิครับท่านผู้ชม คือคนน้อยกว่าก็จริง แต่ลืมคิดไปว่าร้านมันเล็ก มันมีแค่เตาเดียว รอไปซิฮะ เบ็ดเสร็จรอไปร่วมครึ่งชั่วโมง กว่าจะได้มา แถมเป็นแบบ Size Mini อีก ค่าเสียหาย 4.5 ปอนด์ โดยประมาณ เจ็บไม่มาก แต่บอกเลยไม่อิ่ม
เลมอน ต้องหยิบเพิ่มเอานะครับ รสชาดต้องบอกว่าอร่อยมาก โดยเฉพาะ… Chips (555555) คือตัวปลามันก็อร่อยแป้งบางกรอบ ปลานุ่มและนิ่มมาก แต่มันฝรั่งทอดนี้ต้องบอกเลย อร่อยจริง กรอบนอกนุ่มใน เนื้อมันฝรั่งเน้นๆ ฟินเวอร์ ~ แต่ไม่อิ่ม เอาน้ำที่พกมาดื่มไปครึ่งขวด โอเค ไปต่อได้
ระหว่างทานเราก็ชมวิวชายทะเลเมืองนอกไปนะครับ แต่ต้องระวังขี้นกนิดนึง ลูกนึงไม่ใช่เล็กๆ ทานเสร็จก็เดินลงไปแตะน้ำทะเลซักหน่อย เอาให้รู้ว่ามาถึงทะเลแล้วนะ 5555
ทรายที่นี้มันจะหยาบๆ เม็ดใหญ่หน่อย และที่หลายคนอยากรู้ว่า น้ำทะเลมันเค็มเหมือนบ้านเรามั้ย จัดไปครับ ชิมซะ 55555 เห้ย รสมันผู้ดีมากอะ (ตลกไปและ) คือมันไม่เค็มมากเหมือนบ้านเรา แล้วน้ำมันก็เย็นๆเหมือนใส่น้ำแข็ง (ก็อร่อยดีนะ)
ก่อนที่ตัวจะเปียกไปมากกว่านี้ ไปต่อดีกว่า
จุดหมายต่อไป Whitby Abbey ประวัติคร่าวๆ (ถ้าผิดขออภัย) คฤหาสน์ หรือบางทีมันเหมือนโบสน์มากกว่า ถูกซื้อไปตกเป็นของครอบครัว Cholmley ในปี 1538 (เดาเอาเองว่า จริงๆมันควรจะต้องเก่ากว่านั้น) ลักษณะที่ตั้งจะตั้งอยู่บนเนินเขา เป็นจุดที่สูงและสวยที่สุดของเมือง แน่นอนครับ เราต้องเดินผ่านเมืองและขึ้นเขาไปถ่ายรูป เอาละ ซื้อไอศครีมเติมพลังก่อน 55555
เขาบอกว่า ตัวน้ำไอศครีม ผลิตมาจากเมล็ดวนิลา และนมจากไร่ของที่นี้ แต่ผมในฐานะคนขายไอศครีมด้วยกัน ผมว่ามันก็งั้นๆอะ ไปต่อดีกว่า ค่าเสียหาย 2.35 ปอนด์
เดินๆไปผ่านทางเข้าพิพธภัณฑ์ กัปตัน Cook นักสำรวจ ที่ออกสำรวจไปทั่วยุโรป ท่านเกิดที่เมืองนี้ครับ แต่ผมไม่ได้เข้าไปดูนะ ค่าเข้าประมาณ 10 กว่าปอนด์ เก็บไว้กินขนมดีกว่า
เดินต่อมาในซอยเล็กๆ เห็นคนเยอะๆ เราก็เดินตามเขาไป เขาน่าจะไปที่เดียวกับเราแหละ หวังว่านะ ระหว่างทางก็มีร้านขายของสำหรับนักท่องเที่ยวมากมาย การจราจรของนักท่องเที่ยวก็ติดขัดบ้างตามร้านที่น่าสนใจ เราทำเวลาไป เดินๆๆๆ อย่างเดียว
เดินไปเรื่อย เริ่มไกลและ จะถึงรึยังเนี้ย อ๋อ เห็นและ บันไดขึ้นเนิน อย่างชันอะ คุณลุงกะคุณป้าข้างหน้าจะไหวมั้ยเนี้ย เอาละดื่มน้ำซักอึก แล้วลุยเลยย!
ระหว่างทางขึ้น ก็เห็นมีเหรียญวางไว้ตามทาง พอเจอป้ายก็เลยอ่านซักหน่อย อ๋อ มันเป็นเหมือนเงินบริจาค ว่าแล้วก็ควักเหรียญวางซักหน่อย เรื่องทำบุญขอให้บอก มีไม่มาก แต่เต็มใจครับ อิอิ
ก้มหน้าก้มตาเดินมาซักระยะ ลองหันหลังกลับไปดู โอ้โห สูงใช่เล่นเลยนะครับ ถ้าพาคุณยายมานี้ คงไม่ไหวแน่ แต่ถ้าใครมา ผมขอบอกเลยนะครับ ว่าถ้าไม่ขึ้นมานี้พลาดมาก สวยเวอร์
อย่างที่บอกไปตอนต้นนะครับ ถ้าใครเคยไป San Francisco มาแล้ว อาจจะไม่ได้ตื่นเต้นมาก เพราะบรรยกาศเมืองมันคล้ายๆกัน ต่างกันที่สถาปัตยกรรม กับผู้คนพื้นเมืองนิดหน่อย ที่เหลือแทบจะเหมือนกัน สำหรับผม ผมชอบเหมือนกันครับ 5555
เดินขึ้นมา ก็มาเจอไอตึกนี้ คืออะไรก็ไม่รู้ แต่มีป้ายให้เข้าไปข้างใน ก็ลองเดินเข้าไปดู ถ้าให้เดาน่าจะเป็นทางขึ้น Abbey มีนักท่องเที่ยว เดินย้อนทางออกมาพอสมควร ถ้าให้เดาอีก น่าจะเก็บค่าเข้าชัวร์ และแล้วก็เป็นไปตามคาด (ถ้าเดาเก่งขนาดนี้น่าจะไปเป็นหมอดูนะฮะ)
ไหนๆก็ไหนๆและ อุตสาห์ขึ้นมา ถ้าไม่ได้ขึ้นไปคงเสียใจแย่ ราคานักเรียนประมาณ 6.85 ถ้าคนธรรมดา 7.5 จ่ายซะ แล้วทำใจให้นิ่ง
พอเดินขึ้นมาชั้น 2 ก็เจอป้ายขอบคุณซะหน่อย นี้แหละครับ ฝรั่ง มันจะทำให้เรารู้สึกว่า เงินที่เราจ่ายให้เขามันคุ้มค่าเสมอ แค่ป้ายเล็กๆ พร้อมคำโปรยเท่ๆ แค่นี้ก็ได้ใจแล้วครับ “ถ้าไม่มีคุณคอยสนับสนุน คงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีสิ่งเหล่านี้” None แปลว่าไม่มีนะครับ เอาละ หลังจากซาบซึ่งเพราะยืนถ่ายรูปป้ายอยู่คนเดียว ก็เดินออกมา ว้าววว สวยจริงครับ ไม่ผิดหวัง
เดินๆไปทำไมได้ยินเสียหัวเราะ อ๋อ เขามีเหมือนการแสดงละคร Out Door โดยใช้พื้นที่ในโบสถ์เป็นเวทีแสดงนี้เอง
การแสดงอาจจะไม่ได้ดีมากถึงกับได้รางวัล แต่สามารถเล่นกับบรรยกาศ และสร้างเสียงหัวเราะให้กับนักท่องเที่ยวได้ไม่น้อย
พอจะเปลี่ยนฉากตัวแสดงก็จะนำผู้ชมมาสถานที่ใหม่ นักแสดง 3 คนนี้ก็เล่นวนไปวนมา เปลี่ยนชุดเป็นคนนั้นที คนนี้ที่ น่าจะเหนื่อยเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน
เรื่อยราวคร่าวๆที่พอจับใจความได้ (ก็มาช้าอะ เข้าแสดงไปเท่าไหร่แล้วไม่รู้) เป็นเรื่องเกี่ยวกับ Dracula ที่คอยกัดคอคนในหมู่บ้าน โดยมีผู้ที่ต่อสู่กับแดร็กคูล่า ค่อยสกดให้อยู่ในหีบต่อไป (ชมบางส่วนของการแสดงได้ที่นี้) ถือว่า 6.85 เสียไปแบบคุ้มค่ามาก การแสดงสนุก เข้าใจง่าย เรียกเสียงหัวเราะจากคนดูได้ดี คุ้มสุดคุ้ม การแสดงจะมี 3 รอบต่อวัน 11:30, 1:30 และ 3:30 รอบนึงน่าจะประมาณ ชั่วโมงนิดๆ ดูเสร็จก็ออกไปเดินเล่นชิวๆ ถ่ายรูปต่อ
ดูไปดูมา Whitby Abbey มันก็แบบเศร้าๆเหงาๆนะครับ เจ้าของ หรือผู้คนที่เคยพักอาศัยก็จากมันไปหมดแล้ว ยังมีแต่ตัวมันเองที่ตั้งตระหง่า อยู่บนเนินเขาอย่างโดดเดียว อาจจะมีผู้คนแวะมาทักทายบ้าง แต่ก็แค่ชั่วครั้งชั่วคร่าว เหงาจุง
ไหนๆขึ้นมาถึงยอด ถ่ายลงไปซักหน่อยซิ
ด้วยความที่งบน้อย ใช้กล้อง iphone จะต้องซูมนิดนึง ภาพถ่ายอาจจะเล็ก แต่ความสวยงามเต็มเปี่ยม 5555 โอเค เดินพอหอมปากหอมคอ ลงดีกว่า เริ่มหนาวและ เดียวไม่สบาย ไม่มีใครดูแลแล้วจะยิ่งยุ่งไปกันใหญ่
ขากลับผ่านคล้ายแม่น้ำที่เชื่อมต่อกับทะเล เห็นฝรั่งน้อยใหญ่ ก้มๆเงยๆอยู่ เดินไปดูใกล้ๆดิ เขาทำอะไรกัน
55555 เขายืน ตกปลาเฉยเลย ดูผ่านๆเหมือนจะเสียเวลาเปล่า แต่พอสังเกตดีๆ มีทั้งคนได้ปู ได้ปลาเยอะเหมือนกัน อุปกรณ์ก็เหมือนกันบ้าง แตกต่างกับบ้าง แถวๆนั้นคงมีร้านให้เช่าอุปกรณ์แหละ ไปต่อดีกว่า เดินคนเดียวแปปเดียวก็เก็บครบ ไปไหนต่อดีนะ ทำไมร้านนี้ตอนเดินมาครั้งแรก คนก็ต่อเยอะนะ มันน่าจะดังอยู่ ไปต่อแถวซื้อ Fish & Chips อีกรอบและกัน คิดว่าไม่น่ามีใครบ้าซื้อ 2 รอบ คนละร้าน เอามาลองว่าอันไหนอร่อยกว่า เพราะฉะนั้น ใครไม่ทำ เราทำครับ 555555
ต่อประมาณ 15 นาทีก็ได้กิน ร้านนี้เหมือนปีที่แล้ว เขาได้รางวัล Fish & Chips of the year 2014 ก็ไม่รู้ว่ามันสำคัญรึป่าว แต่น่าจะการันตีได้ว่ามันคงต้องอร่อยพอตัวแหละ
ต่อแถวจนมาถึงข้างในร้าน อ๋อ ลืมบอกไปว่าผมต่อแบบ Take away นะครับ เพราะไม่มีเวลานั่งกิน มองไปมองมาก็เจอป้ายอวดสรรพคุณ อย่างงี้ซิฮะ เราถึงจะยอมจ่ายแพงกว่า ปลา Cod ของเรามาจาก Iceland บลา บลา บลา เอาละถึงคิวและ
สั่งก็สั่งไม่รู้เรื่อง ไอคนขายก็พูดเร็ว ให้มันทวน 2-3 รอบก็มาชักสีหน้าใส่ เออ เอาอะไรมาก็ Yes Yes ไป ขอเป็น Cod Fish & Chips และกัน
ตัวใหญ่แบบนี้ ราคาใหญ่ตามแน่นอนครับ ประมาณ 6.5 ปอนด์ ถ้าจำไม่ผิด ดูจากกล่อง ร้านนี้เขามีรางวัลนะ ต้องอร่อยชัวร์ พอลองทานเท่านั้นแหละ หืมมมมม (อาจจะเป็นเพราะไม่ได้หิว อาจจะเป็นเพราะเมื่อยขา และอาจจะเป็นเพราะทานไปแล้ว) มันไม่ได้อร่อยอะ ร้าน Magpie อร่อยกว่าเยอะ ใครไปอีก แนะนำ ไปต่อร้านนู้นเลยฮะ ร้านนี้คนมันเยอะเฉยๆ 55555
เดินมาทั้งวันและ เริ่มเหนื่อย เดินหลงบ้าง ขึ้นเขาลงเขา ถึงเวลากลับที่พักและ
ก่อนกลับขอถ่ายรูปเรือซักรูปและกัน สวยงามไม่ผิดหวังจริงๆ 5555
กลับถึงที่พัก ประมาณ 1 ทุ่มกว่า นอนเต็มอิ่มในรถ สบายใจฝุดๆ
โพสนี้เป็นไงบ้างครับ คนเดินก็เหนื่อย คนอ่านก็เหนื่อยเหมือนกันผมว่า 55555
อาทิตย์หน้านี้จะเข้าช่วงสอบและ คงไม่ได้ไปเที่ยวไหนไกลๆและครับ
คิดไว้คร่าวๆว่าหลังจากสอบเสร็จ ทำงานเก็บตัง แล้วจะกลับไปลอนดอนซักหน่อย
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนนะครับ ที่ยังติดตามอ่าน ไม่ทิ้งกันไปไหน
ขอบคุณครับ




























ส่งความเห็นที่ Trip to Manchester!! – เด็กหงษ์มาเยือนเมืองผี – LIFE+JOURNEY ยกเลิกการตอบ