London Second trip, Eating Shopping Along the way Part 1 ~

โอ้ กว่าจะส่ง Essay ที่สองเสร็จ เลือดตาแทบกระเด็น 55555

ช่วงนี้เป็นช่วงสอบ ที่จะตัดสินชีวิตว่าจะผ่านไปเรียนต่อ ปอโทได้รึป่าว

หัวข้อหลังๆที่สอบ คือ Essay (สอบเขียน), Seminar (สอบพูด ทั้งเห็นด้วยและขัดแย้ง), Project Essay 1800 words (เลือกบริษัทและศึกษาเกี่ยวกับกลยุทฑ์) และสุดท้าย ที่จะสอบอาทิตย์หน้าคือ Presentation 6 นาที เกี่ยวกับบริษัทที่เราทำ

เหนื่อยจุง…… เอาละ เลิกบ่น มาเล่าเรื่องที่ไปเที่ยวลอนดอนสุดสัปดาห์ที่แล้วดีกว่า อิอิ

เมื่ออาทิตย์ก่อน(หลังสอบ Essay และ Seminar) เป็น Bank Holiday ที่จะมีวัหยุดเพิ่มนอกจาก เสาร์ อาทิตย์ จะได้หยุด วันจันทร์ อังคารเพิ่มด้วย (โบนัสของแท้ อิอิ) แต่ต้องส่ง Project Essay วันพุธเช้า – ก็เลยตัดสินใจว่าจะหาที่ไปเที่ยววันเสาร์-อาทิตย์ และกลับมาปั่นงานให้เสร็จ ในวัน จัน-อังคาร

ด้วยคำชักชวนของเพื่อนสุดที่รัก(ทั้งสอง) ก็ตัดสินใจ จองตั๋วรถไฟไปลอนดอนทันที ออกเดินทางออกจาก Leeds ตั้งแต่ 8 โมงเช้า กลับถึง Leeds อีกที่ 3 ทุ่มวันอาทิตย์ – ไม่ต้องถามถึงราคานะครับ หยุดยาวแบบนี้ราคาระดับมหาโหด ไปกลับ 68 ปอนด์ (ทำงาน วันครึ่ง T T)

ถึงสถานีแล้ว ก็ยืนดูตารางรอเวลาขึ้นรถไฟกัน

IMG_6878

บัตรที่ซื้อเป็นแบบจองที่นั่งไม่ได้ (ช่วงวันนี้เป็นช่วงพีคมาก และจองช้าด้วยเลยต้องไปเสี่ยงดวงกัน) ก็เลยตื่นเต้นนิดหน่อยในการแย้งที่นั่งฝรั่ง 5555 ไม่รู้โชคดีหรือโชคไม่ดี วันนั้นเป็นวันที่ทีม Leeds Rhinos (ทีมลักบี้ชื่อดังประจำเมือง) ไปแข่งที่ London ทำให้แฟนรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ พร้อมใจกันใส่เสื้อทีมไปเชียร์ทีมรัก บรรยกาศเหมือนมีเพื่อนไปส่งถึง London (ก็เวอร์ไป)

ระหว่างขึ้นรถไฟหาที่นั่ง ผมเลือกที่นั่งริมหน้าต่างเสมอ เพราะนั่งรถไกลๆคนเดียวมันเหงาอะ ถ้าได้มองออกไปข้างนอกเห็นวิวสวยๆ บางทีมันก็ทำให้เราลืมเวลา ลืมความเหงาไปได้บ้าง *คำเตือนเวลาไปไหนคนเดียว ห้าม! ฟังเพลงเศร้า เพราะจะยิ่งทำให้ยิ่งเหงารู้มั้ย!!!*

IMG_6880

ตรงเวลา 8:07 นาที รถไฟเริ่มเคลื่อนตัวออกจากสถานี ผู้โดยสารยังคงเดินไปเดินมาหาที่นั่ง และแล้ว ก็มีคุณพ่อ พาเด็กๆ 4 คน เดินไป เดินมาหาที่นั่ง ถ้าให้เดา น่าจะประมาณว่า คุณพ่อพาลูก และเพื่อนๆลูกมาดูแมชท์สำคัญด้วยกัน แต่ประเด็นคือ จะหาที่นั่ง 4 ที่ติดกันนั้น ยากยิ่งกว่า หาชะอมในเกาะอังกฤษ (ไม่เกี่ยวนะ) 5555

พอดิบพอดีที่ ที่นั่งข้างหน้าผมเป็นแบบ 4 ที่ หันหน้าเข้าหากัน แต่มันติดตรงที่ มันเป็นที่นั่งที่ถูกจองแล้ว แต่ไม่เป็นไร คุณพ่อก็บอกให้เด็กๆนั่งจนกว่าเจ้าของที่จะมา

ผ่านไปสองสถานีก็เหมือนมีผู้โดยสารเจ้าของที่ขึ้นมา ตอนแรกก็งงๆ และก็ยืนคุยกับเด็กๆซักพัก ไอตัวเล็กก็ไม่รู้เรื่อง ถามคำตอบคำ แต่สุดท้ายเจ้าของที่ก็เดินออกไปหาที่นั่งอื่น พร้อมอวยพรให้ทีมของน้องๆชนะ

หลังจากผ่านชั่วโมงกว่า ผมก็หลับๆตื่นๆ รู้สึกตัวอีกที่ก็ใกล้ถึงแล้วครับ London ที่รัก อิอิ

ถึงแล้วสถานี King Cross สถานีที่เชื่อมต่อภาคเหนือของอังกฤษ และ Eurostar (รถไฟเชื่อมต่อยุโรป)

IMG_6881

อย่างที่บอกไปครับ วันนี้คนเยอะมากกกกกกกกกก น่าจะมารอรถกลับบ้านในวันหยุดยาว เดินไปไหนนี้ต้อง Sorry กันยาวๆเลย

ครั้งนี้ผมไม่ลืมครับ (ครั้งที่แล้วไม่ได้ถ่ายมา) ชานชาลาที่ 9 3/4 ที่หลายคนไฝ่ฝัน อิอิ

IMG_6882

คนต่อคิวเยอะมาก น่าจะต้องมายืมรอไม่ต่ำกว่า 30 นาที ดูจากหน้าตาแล้ว ไม่อาตี๋ อาหมวย แถวบ้านเรา ก็เป็นแขกมายืนต่อแถวกัน

เดินต่อมาอีกนิดนึง ก็จะเจอร้านขายของที่ระลึก จากภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่องเดิม แต่ผมไม่ได้เข้าไปนะครับ ขอไปหาห้องน้ำก่อน

IMG_6883

หลังจากพบปะเพื่อนสุดที่รักเรียบร้อย ก็เดินทางไปเก็บของที่ห้องเพื่อนแถวย่าน South Kensington

เอาละ พร้อมลุยแล้ว ไปกันเลย!!! สถานที่แรกไปเราจะไปกันก็คือ “Borough Market” อ่านว่า โบโร มาร์เกต

IMG_6892

สำหรับคงที่ไม่เคยมา ชี้เป้านิดนึง ให้นั่ง Undergourd มาลงที่ สถานี London Bridge (กินอิ่มก็ไปเที่ยวสะพานต่อได้เลย) ถ้ามาช่วงสุดสัปดาห์ก็เดินตามกระแสคนมาได้เลยครับ มันเป็นตลาดอยู่ใต้สะพาน พอเดินเข้าไปปุ๊บ จะพบกับร้านขายของมากมาย(โดยเฉพาะอาหาร อิอิ)

IMG_6895

มีทั้งร้านขายเนื้อ ร้านผัก ร้านขายชีส แฮม และอื่นๆอีกมากมาย (คล้ายๆกับตลาดในหนังฝรั่งอะครับ) สิ่งที่น่าสนใจและแนะนำให้ทานก็จะเป็นพวกอาหารทะเล เช่น หอยนางรม หอยเชลล์ สดๆ พวกชีสและก็ขนมปัง เอาละ *คำเตือนเตรียมกระดาษซับน้ำลายได้เลย

IMG_6896

เดินมาถึงร้านแรก อะไรไม่รู้ แต่คนต่อแถวนานมาก ถ้าไม่ลองจะไปรู้ได้ยังไง เราก็จัดก่อนเลยครับ

IMG_6897

ลักษณะเป็นเหมือนเนื้อเป็ด เอามาผัดกับน้ำมัน เรียกว่า Duck Confit Roll ราคา £5 กลิ่นนี้หอมฟุ้งมาแต่ไกล

IMG_6898

เอาละได้มาแล้ว ทานก่อนนะครับ (แนะนำให้พาเพื่อน หรือคนรู้ใจมาทานด้วย เพราะถ้าทานคนเดียวหมด อิ่มเกิน จะไม่อยากไปทานอย่างอื่น)

โอเค เรียกน้ำย้อยไปและ ต่อด้วยอันนี้ ตามทฤษฎีแล้วนะครับ อะไรที่คนมันต่อแถวเยอะๆ แปลว่ามันต้องอร่อย ร้านต่อไป ลุยกันเลย อิอิ

IMG_6901

หอยเชลล์ หรือ Scallops ที่ละ £5.50 วิ่งไปต่อแถวแปป น่าจะอร่อยไม่เบา

IMG_6899

โอโห้ แถวมันมาหลบอยู่ตรงนี้เอง หน้าตาแต่ละคน ดูจากทรงแล้ว คงเพื่อนบ้านเรา ต่อแถวอยู่ก็เจอคนไทย คุยภาษาไทยกัน ก็แปลกๆดี รอไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงคิวเราแล้ว หิวอีกรอพอดีเลยอะ อิอิ

IMG_6902

5.50 ปอนด์ ได้มา 3 ตัว ถ้าเทียบเป็นเงินไทย ก็ไม่ค่อยโอเท่าไหร่ รสชาดมันฝรั่งๆ ถ้าได้น้ำจิ่มซีฟู๊ตบ้านเราซักหน่อยนี้ รับรองอร่อยเหาะ

ยังไม่ทันได้ไปไหน ร้านข้างๆนี้เอง อย่างที่บอกครับ ที่นี้ขึ้นชื่อเรื่อง Osyter หรือหอยนางรมมาก เขาบอกว่า ลื่นละมุม หอยสดๆ ตัวใหญ่ๆ โอ้ยยยย อดใจไม่ไหวและ ไปต่อแถวดีกว่า

IMG_6903

ราคาก็ไม่เบาครับ ขายเป็นตัว ตัวละ £1.50 ขนาดก็มาตราฐาน ไม่เล็กไม่ใหญ่ เต็มคำพอดี ได้มาและ 3 ตัว

IMG_6904

บีบ เลมอน ลงไปนิดนึง กับผักอะไรก็ไม่รู้ดอย เอาไว้ดับกลิ่น ถ้าให้วัดความอร่อย ให้ 8/10 แน่นนอนครับ บ้านเราอาหารทะเลนี้ ไม่เป็นที่สองรองใครอยู่แล้ว ที่แตกต่างจากที่นี้ก็คือ หายนางรมที่นี้มันละมุมกว่า ข้างในมันเนื้อไม่เยอะ ปรืดเดียวหมด ที่บ้านเรามันจะมีเหมือนเส้นๆหรือเนื้ออยู่ข้างในเยอะกว่า ต้องเคี่ยวนานกว่าหน่อย แหมะ! นี้ถ้าได้หอมเจี๊ยว กับน้ำพริกเผานี้คง ฟินเวอร์!

เดินไปมาซักพัก ก็ตัดสินใจ ไปที่อื่นดีกว่า สถานีต่อไป 221B Barker Street บ้าน Sherlock Holm

IMG_6918

โอ้ มันไม่เหมือนกะที่คิดไว้แหะ ตอนแรกนึกว่ามันจะเป็นประตูเรียบๆ หลบมุมตึก แล้วเข้าไปค่อยเป็นห้องจัดแสดง แต่นี้แบบเด่นเป็นสง่ามากเลย 5555 เดินดูอยู่ซักพัก ก็ดูไม่ค่อยมีอะไร ไปต่อกันเถอะ

เห็นเพื่อนเขาบอกว่า Ben’s cookie นี้มันอร่อยมาก แต่ที่ Leeds มันไม่มีให้กินอะ เข้ามา London ครั้งนี้ ต้องหาร้านแวะซักหน่อยแล้ว อ้าวนั้นไง เข้าไปเลยฮะ

IMG_6923

ซื้อเสร็จก็ขอแอคท่า ถ่ายรูปไปอวดเพื่อนๆที่ Leeds ซักหน่อย ราคาต่อชิ้นอยู่ที่ £1.5 แต่ถ้าซื้อ 5 ชิ้นแถมอีก 2 ชิ้น เท่ากับ จ่าย 5 ได้ 7 ก็โอเค ตกชิ้นละ ปอนด์นิดๆ แบ่งๆกับเพื่อน ผมได้ 3 ชิ้น ต้องบอกก่อนว่า อร่อยจริงจังมากครับ เป็นคุ้กกี้เนื้อนุ่ม มีไส้ต่างๆให้เลือก ไม่หวานเกิน ถ้าทานกับชาตอนเช้านี้ สุดๆอะ

เอาละ ถึงเวลา ช้อปปิ้งและ เราก็กลับไปที่เดิมอีกครั้ง (ตามอ่าน การมาเที่ยวอลนดอนครั้งที่แล้วได้ที่ https://natthapoldiary.wordpress.com/2015/07/04/20th-first-day-trip-in-london/) Oxford Street ร้านเพียบ แต่ฝนเจ้ากรรม ดันตกลงมาซะนี้ อย่าว่าแต่ถ่ายรูปเลยครับ ร่มก็ไม่ได้เอามา หัวเปียก หัวเปียกไปหมด แล้วอย่างงี้จะหายหวัดมั้ยเนี้ยเรา

หลังจากช้อปกันไป ตัวเริ่มเบา กระเป๋าก็หนัก หาอะไรร้อนๆทานหน่อยดีกว่า รีเควสเพื่อนไปเป็นราเมง เพื่อนก็พาเดินตากฝนมาแถว Soho ที่เป็นแหล่งร้านอาหาร และเราก็เลือกเข้าไปที่ร้าน Bone Daddies ร้านนี้จะเป็นโทนดำ เพราะก็แอบตี๊ด ตื๊ดหน่อย

แต่ที่ประทับใจสุดๆ ไม่ได้เป็นตัวราเมงนะครับ แต่เข้าคิดทุกอย่างจริงๆ ที่ร้านจะมีเหมือนแผ่นพลาสติกเจาะรู ให้ใส่เป็นผ้ากันเปื่อน เพราะรู้ว่าทานราเมง มันจะต้องเปื่อนเสื้อแน่ โหด คิดแบบนี้เอาใจไปเลย ยังไม่พอ ข้างๆเครื่องปรุงก็มีขวดโหลเล็ก เปิดออกมาเป็นยากมันผมอีก สำหรับสุภาพสตรีที่ผมยาวไว้มันระหว่างกิน สุดจะบรรยาย ชอบมาก คิดถึงใจผู้บริโภคจริงๆ

1.pic

จริงๆ ร้านค่อนข้างมืด และแคบมาก ภาพถ่ายออกมากลัวจะเห็นหน้าไม่ชัด (กลัวไม่หล่อ 5555) ก็เลยแอบเพิ่มแสงนิดนึง สรุปภาพแย่กว่าเดิม 55555

อ่าาาา ทานอิ่มและ กลับที่พัก พักผ่อนดีกว่า วันนี้ตากฝนมาทั้งวัน ขออาบน้ำอุ่น ดื่มชากับคุ้กกี้ก่อนและกันเนอะ อิอิ

*******วันที่สองเดียวมาต่อนะครับ อิอิ*******

ขอบคุณที่ติดตามอ่านะครับ

2 ตอบกลับไปที่ “London Second trip, Eating Shopping Along the way Part 1 ~”

  1. โอ๊ยยยย ไม่น่าเข้ามาอ่านตอนนี้เลย 5555 หิววววว น่ากินจังเลยค่ะ ไอเดียพลาสติกกันเปื้อนเจ๋งอ่ะ เอามาอะแด้ปกับร้านไอติมเลยๆๆๆค่ะ อิอิ

    ชื่นชอบโดย 1 คน

  2. เหมือนได้ไปด้วยเลย 🙂 หิวว

    ถูกใจ

ส่งความเห็นที่ Prawsiri ยกเลิกการตอบ