No. 03 “เทคโนโลยีคือทุกสิ่ง”
เราพอจะทราบจากข่าวเป็นระยะว่าจีนมีนวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่อย่างนู้นอย่างนี้ ตรวจเด็กนักเรียนเข้าเรียนด้วยกล้อง ที่สามารถระบุตัวบุคคลได้
มีเทคโนโลยี E-commerce ที่แข็งแกร่ง ราคาถูก ส่งตรงรวดเร็ว เกมหลายๆเกม ที่เราฮิตๆกัน ก็มาจากผู้พัฒนาชาวจีน แถมยังเป็นสังคมไร้เงินสด Cashless Society ที่สมบุรณ์แบบ จนหลายๆประเทศยังต้องศึกษา
+++++++
เมื่อถึงจีน เราลงเครื่องที่สนามบิน Shanghai Pudong Airport เป็นสนามบินระดับภูมิภาค ที่ค่อนข้างใหญ่ มีป้ายชัดเจน แต่ก็เหมือนสนามบินในเมืองใหญ่ๆทั่วไป
ตอนขึ้นรถ เพื่อนก็เอามือถือมาเสียบไว้ด้านหน้า และเปิด App แผนที่เพื่อนำทาง ซึ่งแน่นอนว่าเป็น App จากผู้พัฒนาจีน เทคโนโลยีของประเทศจีนและมีแค่ภาษาจีนเท่านั้น
หน้า UI ต้องยอมรับว่าถึงไม่รู้ภาษา ก็ดูได้ว่าออกแบบมาได้ดี คิดว่าดูง่ายกว่า Google Maps อีก เพราะเวลาเจอทางแยกหลายทาง มันจะมีรูปแบบ Close-up ขึ้นมาให้ พร้อมเส้นสีเหลืองบอกทิศทางอีกที
ก็ยังไม่ได้แปลกใจอะไรมาก เนื่องจาก Service ทุกอย่างของ Google และ Social App ต่างๆของโลกตะวันตก ต่างก็ถูกแบนทั้งนั้นในแผ่นดินจีน
คนที่นี้เขาก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร เพราะมีเหล่าผู้พัฒนาท้องถิ่น ที่สร้าง App ที่เป็นเทคโนโลยีของตัวเองขึ้นมาใช้ในประเทศเช่นกัน
สิ่งที่สุดยอดที่ทำให้เราต้องทึ้งก็คือ ความเข้ากันของระบบ เนื่องจากเหล่าผู้พัฒนาถูกควบคุมอย่างใกล้ชิดจากรัฐบาล การใช้ชีวิตประจำวันและเทคโนโลยีจึงเข้ากันได้ดีอย่างเหลือเชื่อ
ตอนเราออกจากที่จอดรถ มีป้อมเก็บเงิน เพื่อนก็แค่จอดและไปต่อ เราก็สงสัยว่า “ที่นี้ไม่ต้องจ่ายค่าจอดรถหรอ” เพื่อนก็ยิ้มๆและตอบกลับมาว่า “มันตัดผ่าน App มือถือแล้ว” พร้อมชี้นิ้วไปที่ Noti บนหน้าจอ เยดเข้!
เราถามต่อว่า “อ้าวว แล้วตอนเข้ามา เขาเช็คยังไง ว่าเราเข้ามาเวลาไหน” เพื่อนตอบเสียงเรียบๆ “มันจะมีกล้องตัวนึง จับที่ป้ายทะเบียน และบันทึกไว้ว่าทะเบียนนี้เข้ามากี่โมง ตอนออกมันก็เก็บตังผ่าน App แค่เราเปิดโปรแกรมรอเอาไว้” เยดเข้!
นอกจากที่จอดรถแล้ว ทางด่วนก็ใช้ระบบเดียวกัน ไม่ต้องซื้อเครื่องมือมาติดที่รถให้ยุ่งยาก
เราก็ถามต่อว่าแล้วมี App อะไรเจ๋งๆโชว์อีกมั้ย มันก็เปิดให้ดู เป็น App ทะเบียนรถที่พูกกับตัวรถที่ขับ เพื่อนยังเสริมอีกว่า “ข้อมูลสำคัญๆส่วนใหญ่ จะอยู่ใน App ของรัฐที่เราต้องมีไว้ในเครื่อง เช่น ทะเบียนรถและข้อมูลประชาชน” เยดเข้!
===========
เทคโนโลยี Cashless นี้ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่ว้าวมากๆ เจ้าใหญ่ๆที่ครองตลาดคือ WeChat Pay เจ้าของคือบริษัท Tencent และ Alipay ที่มีเจ้าของคือ Alibaba Group ซึ่งต่างได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทั้งสิ้น
ก่อนไปก็พยายามจะหาวิธีสมัคร แต่การจะใช้บริการ จำเป็นที่ต้องใช้ เบอร์โทรศัพท์และบัญชีธนาคารในจีนเท่านั้น (ถ้าเรามีสองอย่างนี้ ถึงจะเป็นต่างชาติก็ใช้ได้นะ)
เพื่อนพาเที่ยวอยู่ 2 วันเต็ม การใช้เงินที่นี้คล่องตัวมาก ตู้กดน้ำอร่อยๆ ในรถไฟใต้ดิน ก็ไม่จำเป็นต้องมีที่หยอดเหรียญอีกต่อไป และแน่นอน จะนั่งรถไฟไปไหน บัตรเข้าก็ไม่ต้องใช้แล้ว เปิด App Scan QR code และเดินผ่านไปได้เลย
ไปร้านอาหารไม่ว่าจะเป็นร้านหรูตามภัตตาคาร หรือร้านค้าข้างถนน ทุกคนมีเทคโนโลยี QR code หมด เพื่อนบอกว่าไม่ได้ใช้เงินสดมานานมากแล้ว จำไม่ได้ว่ากระเป๋าตังตัวเองอยู่ตรงไหนด้วยซ้ำ เยดเข้!
ถ้าจะให้พิจารณาข้อเสียจริงๆแล้ว มันก็มี คือเพื่อนเคยพูดว่าเงินมันออกไปเร็วมากๆ บางวันจำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าซื้ออะไรไปบ้าง
ข้อดีของเขาอย่างนึงก็คือ มันช่วยลดเวลาในการทำธุรกรรมต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเงินและติดต่อราชการ ก็แน่นอนละ ประชากรระดับพันล้านคน ถ้าใช้ระบบธรรมดาๆอยู่ คงต้องรอถึงชาติหน้า
เราคิดว่าการที่รัฐบาลมีพลังมากพอที่จะปรับเปลี่ยนและดูแล ให้ทั้งระบบเปลี่ยนมาเป็น Digital มันเป็นเรื่องค่อนค้างยากในบ้านเรา
เพราะมันเป็นการเปลี่ยนแปลงทั้งระบบ และแน่นอนอาจต้องมีบางส่วนที่เสียผลประโยชน์…
#natthapolxchina #จีนในมุมมองคนธรรมดา #ประเทศกูไม่มี
—————
ปล.1 เรื่องการจ่ายเงินกับการคมนาคมและเรื่องอื่นๆดูจะสมบรูณ์มากกว่าใน Shanghai อย่างที่ Shenzhen ขึ้นทางด่วนเราก็ยังจำเป็นที่ต้องรับบัตรอยู่ และจ่ายเป็นเงินสดอยู่
ปล.2 ตอนต่อไปคิดว่าจะพูดเรื่อง “ระบบการปกครอง” สงสัยมากว่าเขาอยู่กันได้ยังไง แต่ขอเรียบเรียงดีก่อนนะ กลัว 5555
ติดตามบทความสั้นของชุด China Changed ได้ที่นี้
No.01 – ทำไมต้องไปจีน!!
No.02 – คนจีนเสียงดังกันจังวะ
No.04 – อยู่กันอย่างไรในสังคมที่ไม่ใช่ประชาธิปไตย
No.05 – กำเนิดคนไทยเชื้อสายจีน

ส่งความเห็นที่ China Changed – No. 01 ทำไมต้องไปจีน? – LIFE+JOURNEY ยกเลิกการตอบ